ในปัจจุบันการเลือก hypervisor ที่จะนำมาใช้กับองค์กรของท่านก็เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะเมื่อเลือกแล้วท่านก็จะอยู่กับมันไปอีกหลายปี และ การเปลี่ยนไปมา ก็ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ในการทำงาน เพราะว่าธุรกิจปัจจุบันต้องการ availability สูงมาก การเปลี่ยนหรือ migrate บางครั้งต้องมีดาวน์ไทม์ เพราะฉะนั้นวันนี้เราเลยอยากจะพาท่านไปพบกับ hypervisor 2 ตัวยอดนิยม นั่นคือ Proxmox VE และ Nutanix AHV

ต้องบอกว่าทั้งสองตัวนั้นมีฟีเจอร์และความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่พอสมควร และ นั่นเองมันทำให้การเลือกบางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ว่าแล้วเราไปดูแต่ละตัวกันเลย

ก่อนที่จะไปลงรายละเอียดกัน เราก็มาดูว่าวันนี้เราจะไปดูความแตกต่างในแง่มุมอะไรบ้าง โดยเราจะดูที่สถาปัตยกรรม การขยาย ความเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ ลิขสิทธิ์การใช้งาน และ ความง่ายในการจัดการ

พื้นฐานของระบบ

เราจะดูที่การออกแบบ โดยมองที่สถาปัตยกรรมของทั้ง Proxmox VE และ Nutanix AHV

Proxmox VE นั้นอย่างที่ทุกคนรู้ว่ามันใช้พื้นฐานจาก KVM เพื่อที่จะรัน virtual machines และ LXC ในการจัดการ container สำหรับ KVM นั้นย่อมาจาก Kernel-based virtual machines ซึ่งเป็นการทำ virtualization บน Linux ที่เกิดมาอย่างยาวนาน โดยสนับสนุนการทำ virtualization Windows, Linux และ ระบบปฏิบัติการอื่น

Proxmox VE นั้น open-source ที่มีค่าใช้จ่ายเพียงแค่นิดเดียว มีการปรับแต่งได้ดี แต่อาจจะต้องอาศัยพื้นฐานด้าน Linux บ้าง

Nutanix AHV เป็น Hypervisor เชิงพาณิชย์ Nutanix AHV (Acropolis) มันถูกออกแบบเพื่อให้ทำงานได้ดีกับโครงสร้างของ Nutanix hyper-converged infrastructure (HCI) ซึ่งเป็นหลักการที่ทำให้การประมวลผล การจัดการเนื้อที่ดิสก์ และ เน็ตเวิร์กนั้นอยู่ในซอฟต์แวร์ทั้งหมด

สำหรับ AHV นั้นก็ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วมันก็มีพื้นฐานมาจาก KVM เช่นกัน แต่ได้รับการปรับแต่งไปเยอะมาก จนเรียกได้ว่ามันทำงานได้ดี บนสภาพแวดล้อมของ Nutanix เท่านั้น

ประสิทธิภาพและความสามารถในการขยาย

แน่นอนว่าสำหรับหลายคนแล้วประสิทธิภาพถือเป็นเรื่องต้นๆ ในการใช้มาเลือก hypervisor ดังนั้นเราจะพาไปดูว่าแต่ละระบบจัดการกับ workload ยังไง รวมถึงในแง่ของการขยาย

Proxmox VE แน่นอนมันถูกออกแบบมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการตั้งค่าด้วย ด้วยความสามารถของ KVM ที่ทำงานเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับทำงานบนฮาร์ดแวร์จริง ทำให้เร็วมาก การเข้าถึงทรัพยากรฮาร์ดแวร์ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

LXC Container นั้นก็ยิ่งทำให้ได้ประสิทธิภาพในการจัดการ app ดียิ่งกว่า VM เสียอีก เพราะด้วยหลังการของ container ที่แชร์ kernel เข้าไป ทำให้มันเบาและเร็วกว่า โดยเฉพาะการใช้งานในระบบ microservice

โดยรวมต้องบอกว่า Proxmox ทำงานได้ดี ใน local storage แต่อย่างไรก็ตามในบางมุม เมื่อระบบใหญ่ขึ้นก็เป็นเรื่องที่จะต้องจับตา เพราะว่าการตั้งค่าเมื่อใช้งานกับ Software Defined Storage (SDS) นั้นอาจจะมีผลกระทบกับความเร็วได้ หากออกแบบระบบได้ไม่ดี

Nutanix AHV ออกแบบมารองรับการขยายจากระบบที่เรียกว่ารวมศูนย์ หมายถึงในแง่ของการจัดการ และ การใช้งานง่าย ด้วยการออกแบบที่ทำให้ AHV ที่ถึงแม้จะเป็น KVM เช่นกัน แต่มันได้รับการแต่งมาเพื่อให้ทำงานกับ Nutanix Distributed Storage ทำให้การจัดการเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะเรื่อง low-latency I/O การปรับแต่งเรื่องความเร็วทำได้ดี และ จากระบบเดียวเลย นอกจากนั้นในเชิงของการจัดการ network ก็ทำได้จากที่เดียวกัน ทำให้การจัดการในสภาพแวดล้อมแบบขยายและซับซ้อนทำได้ง่าย

ความสามารถในการขยาย

Proxmox VE นั้นขยายได้ แต่บางส่วนต้องทำแบบ manual เราสามารถทำคลัสเตอร์ได้ถึง 32 โหนด HA ทำได้เมื่อโหนดมีปัญหา เช่นการย้าย VM การใช้งาน corosync และ Pacemaker ใช้เพื่อการตั้งค่า cluster โดย default การทำ load balance ทำได้แต่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เสริม

การขยายที่ต้องทำเอง บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องยาก สำหรับคนที่มีพื้นฐานน้อย การใช้งาน SDS ก็ทำได้เหมือนกัน แต่การเพิ่ม เมื่อมีหลายโหนด ต้องอาศัยการปรับแต่ง และ บางครั้งต้องทำผ่าน Command Line

Nutanix AHV ถูกออกแบบสำหรับการขยาย และ ทุกองคาพยพนั้นจะไปพร้อมกับการขยายทุกครั้ง เช่น SDS และ Networking เลยทำให้มันง่ายต่อการจัดการมากกว่า การขยาย ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เพิ่มโหนดเข้ามาในระบบ เราก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย การทำ HA & Load Balancing ก็มาด้วยเช่นกัน

การง่ายในการใช้งาน

ในส่วนนี้เราจะมองในเรื่อง อินเตอร์เฟส ระบบอัตโนมัติ การตั้งค่าเริ่มต้น และ post-installation

Proxmox VE มีการติดตั้งง่าย ถ้าท่านติดตั้ง Linux ได้ก็ติดตั้ง Proxmox VE ได้ เพียงแค่โหนด ISO file มาเท่านั้น การติดตั้งทำผ่าน GUI หลังการติดตั้งท่านจะได้ Web User Interface เลย ท่านสามารถสร้างคลัสเตอร์ พร้อมกันหลายๆโหนด คุณสามารถจัดการคลัสเตอร์จากโหนดใดๆ ก็ได้ นอกจาก Web UI แล้ว ท่านก็ยังสามารถใช้ CLI ได้เช่นกัน หรือ แม้กระทั่งผ่าน API

การติดตั้งเบื้องต้นนั้นง่าย แต่การตั้งค่าเช่น Ceph ในระบบที่มีหลายๆ โหนดท่านจะต้องปรับแต่งด้วยความชำนาญ และ มีความรู้ในเรื่อง Ceph พอสมควรเพื่อจูนระบบ นอกจากนั้นการทำ bridge และ VLAN ก็ต้องทำเองเช่นกัน

Nutanix AHV การติดตั้งผ่าน ISO image แบบพิเศษ การติดตั้งง่ายเช่นกัน และ ถ้าท่านใช้ Nutanix Prism Central platform การติดตั้งจะยิ่งง่ายขึ้นไปอีก หลังการติดตั้ง ระบบคลัสเตอร์ก็จะถูกสร้างอัตโนมัต

สำหรับการตั้งค่าครั้งแรกนั้น เรียกว่าทำได้ง่ายมาก และ อัตโนมัติทั้งหมด แต่การตั้งค่าเพิ่มเติม อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องทำ หากท่านติดตั้ง Nutanix บน hardware เดิม หรือ ระบบ mult-cloud

Nutanix Prism (Prism Central UI) นั้นเป็น Web UI ที่ใช้เพื่อจัดการงานทั้งหมดในระบบ HCI ของ Nutanix เรียกว่ามันเป็นทุกอย่างเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่ จัดการ มอนิเตอร์ และ แดชบอร์ด นอกจากนั้นยังสนับสนุน CLI &API ด้วย สำหรับการทำ automation & scripting

ความเข้ากันได้ด้านฮาร์ดแวร์

Proxmox VE สามารถถูกติดตั้งได้ เรียกว่าเกือบทุกชนิดฮาร์ดแวร์ แม้แต่เครื่องคอมธรรมดาก็ติดตั้งได้ และ เรียกว่ามันเป็นหนึ่งในจุดแข็งของ Proxmox VE เลยก็ว่าได้ โดย

• 64-bit Intel หรือ AMD processor ที่มี Intel VT-x หรือ AMD-V
• มีแรมอย่างน้อย 2GB แต่แน่นอนว่า ท่านจะต้องบวก การทำงานและแรมที่จะต้องใช้แต่ละ VM

มันทำงานได้กับ storage หลายๆ แบบ

• ZFS, Ceph, NFS, iSCSI, LVM และ SAN
• สำหรับ Software Defined Storage ท่านอาจจะใช้ Ceph หรือใช้ร่วมกับ Enterprise Storage Arrays

Nutanix AHV จะผูกกับ Nutanix Certified Hardware List เท่านั้น และ แน่นอนว่า ก็คือฮาร์ดแวร์ของ Nutanix หรือ ผู้ผลิตที่ Nutanix รับรอง โดยมีฮาร์ดแวร์จากบริษัทชั้นนำนอกจาก Nutanix คือ Dell EMC, HPE, Lenovo และ Cisco และฮาร์ดแวร์จะต้องเป็น

• Intel Xeon หรือ AMD EPYC แนะนำควรเป็น Intel Xeon Scalable
• มีแรมอย่างน้อย 64GB แนะนำที่ 128GB เป็นอย่างน้อย

อุปกรณ์สตอเรจที่ทำงานด้วย NFS, iSCSI และ SAN ทำงานได้เช่นกัน แต่ทาง Nutanix แนะนำให้เป็น Nutanix Distributed Storage (DFS)

ทางเลือกด้านอุปกรณ์เก็บข้อมูล (Storage)

Proxmox VE สนับสนุน local storage, Software Defined Storage (SDS) เพื่อใช้เป็น datastore โดย local storage นั้นเหมาะกับสภาพแวดล้อมที่เป็น standalone ที่อาจจะไม่ได้ใช้คลัสเตอร์ นอกจากนั้นมันยังสนับสนุน ZFS พร้อม volume management โดย ที่ ZFS นั้นจะรองรับการบีบอัดข้อมูล การเข้ารหัส และ การสนับสนุน RAID

ส่วนการสนับสนุน shared storage ก็จะมี

• NFS (network file system)
• iSCSI (internet small computer systems interface) เพื่อการเชื่อมต่อสตอเรจภายนอก แต่การทำงาน อาจจะแตกต่าง เพราะว่าจะเป็น VG และไม่สามารถเข้าถึงพร้อมกันจากหลายโหนด ใน VG เดียวกัน

SDS

• Ceph และ Proxmox VE แนะนำให้ใช้ Ceph สำหรับการทำ SDS

รูปแบบ virtual disk format

• RAW รูปแบบไฟล์ที่ไม่มี overhead ทำงานได้เร็วมาก
• QEMU QCOW2 มีฟีเจอร์เยอะขึ้น สนับสนุนการทำ snapshot, thin provisioning และ encryption
• VMDK ทำงานได้เช่นกันบน Proxmox VE ถึงแม้มันคือ native vm disk format จาก VMware
• VHD/VHDX หรือรูปแบบ vm file จาก Hyper-V

Nutanix AHV ด้วยความที่มันถูกออกแบบมาเพื่อให้ขยายได้ รองรับ HA , Fault Tolerance และ ประสิทธิภาพ local storage จะถูกนำมาใช้เป็น storage pool เลย เพื่อการกระจาย และ แชร์กันในทุกโหนด โดย default

• ถูกแชร์และเข้าถึงโดยตรงจาก AHV
• Nutanix Distributed Storage Fabric (DFS) คือส่วนหลักในการจัดการ ดิสก์แต่ละเครื่องที่นำมารวมกันใน shared pool ทำให้ทุกโหนดมองเห็นก้อนเดียวกัน
• DFS สนับสนุน auto-tiering ในเรื่องการทำ replication และ redundancy

NFS และ iSCSI ก็ทำงานได้ในระดับ file-level และ block ตามลำดับ

virtual disk format ที่สนับสนุน

• VMDK
• VHD/VHDX
• NOVA ซึ่งเป็น native disk format ของ Nutanix

สำหรับครั้งหน้า เราจะมาต่อกันในตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนจบ

• Facebook
• Twitter
• Line