หนึ่งในระบบปฏิบัติการชั้นนำที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่นักพัฒนา นักออกแบบ และ ผู้เชี่ยวชาญคือ macOS ที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 16% ในตลาด desktop OS ทั้งนี้ก็เพราะว่ามันมีความเสถียรสูง มีความเป็นมาตรฐาน และ มีความปลอดภัยสูงนั่นเอง
เมื่อภายในองค์กรของคุณมีผู้ที่ใช้งาน macOS การที่จะทำให้มีระบบการเข้าถึงจากระยะไกลหรือ remote access สำหรับระบบปฏิบัติการหลายๆ ตัวในเวลาเดียวกัน เช่น Windows , Linux, macOS นั้นก็อาจจะเป็นความท้าทายแบบหนึ่ง
ระบบ remote desktop ใน macOS นั้นต้องบอกว่าเป็นระบบะค่อนข้างปิด เพราะว่าจะสนับเฉพาะ mac client ในการเชื่อมต่อ แต่ทุกอย่างมีทางออก เพราะยังมีผู้พัฒนาระบบ remote access สำหรับ macOS ที่ในเวลาเดียวกันก็สนับสนุน OS อย่างอื่นด้วย นั่นหมายถึงด้วยซอฟต์แวร์เพียงตัวเดียว ก็สามารถเข้าถึง OS ตัวอื่นๆ ได้ด้วย ในบทความนี้เราจึงจะพาไปพบกับซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ดังกล่าว

Remote Access หรือการเข้าถึงระยะไกล บน macOS ทำงานอย่างไร
ระบบ remote access นั้นจะมีความแตกต่างจากระบบ Windows หรือ Linux และ การตั้งค่าก็จะแตกต่างกันเล็กน้อย โดย remote access app จะอนุญาตให้พนักงานเข้าถึงเครื่อง macOS ที่อยู่ในระยะไกลได้ ควบคุมเครื่องได้ และ โอนถ่ายไฟล์ได้ โดยไม่ต้องใช้ NTFS-to-APFS
แล้ว Remote Access แตกต่างจาก VPN และ Cloud-Based Access อย่างไร
ถึงแม้ว่า ทุกเทคโนโลยีที่กล่าวมานั้นเป็นการอนุญาตให้เข้าถึงระยะไกลเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม มันทำงานคนระดับ เพราะ VPN นั้นทำงานในระดับ network layer ในขณะที่ Cloud ก็อนุญาตให้เข้าถึงแบบ Cloud อาจจะผ่านเว็บUI แต่ Remote Access ที่เรากำลังพูดถึงคือการเข้าถึงในระดับ Desktop ให้คุณควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ (full access) ท่านเปิดเครื่อง รันแอป จัดการไฟล์ และ ดำเนินการระดับแอดมินได้
Remote Desktop/Access for Mac มีรูปแบบการใช้งานอย่างไรได้บ้าง
- งานด้าน IT Support : แก้ปัญหาให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ใด
- งานด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และทดสอบ : เพราะบางครั้งเครื่องใน office มีประสิทธิภาพสูงกว่าและมีซอฟต์แวร์ที่ถูกลิขสิทธิ์ เช่นการใช้ Xcode
- งานด้านการออกแบบ หรือ ครีเอทีฟ เช่นการเข้าถึง GPU หรือ ต้องการใช้ RAW file ขนาดใหญ่
- การโอนถ่ายไฟล์ระหว่างระบบปฏิบัติการ
Remote Desktop Software ควรมีคุณสมบัติอย่างไร
- ด้านความปลอดภัย : ควรจะต้องสนับสนุนการเข้ารหัส AES-256 และ TLS เพื่อเข้ารหัสการเชื่อมต่อทั้งหมด รวมถึงควรสนับสนุน Apple ID, MFA และ การตรวจสอบโรล และ อาจจะสนับสนุน GDPR และ HIPAA
- ต้องมีประสิทธิภาพดี : ต้องควบคุมการเชื่อมต่อและรักษาเสถียรภาพในระดับซอฟต์แวร์ และ รักษาการแสดงผลที่ดีของ macOS ไว้
- สนับสนุนฟีเจอร์ที่องค์กรต้องการ : เช่นการควบคุมจากศูนย์กลาง การจัดการผู้ใช้งาน และ การควบคุมเรื่องการพิมพ์ และ การโอนถ่ายไฟล์
ซอฟต์แวรประเภท Remote Desktop เรียงตามการได้รับความนิยม
- RealVNC Connect for Mac : มีฟีเจอร์ unattended access มีความปลอดภัยสูง มีการเข้ารหัส ถูกออกแบบให้ทำงานบน macOS ได้อย่างดีเยี่ยม สนับสนุนแบบ Native มีการตอบสนองดีมาก สนับสนุนหลายจอ สนับสนุนการทำ remote printing การส่งเอกสารไปยัง เครื่องพิมพ์ local การโอนถ่ายไฟล์ ทำได้ผ่าน drag-and-drop สนับสนุนการวางลงใน Windows NTFS และ Linux EXT3 และ ZFS ใน client ไม่ต้องลงอะไรเพิ่มเลย มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end AES-256 และ Multi-factor รวมถึง Domain Authentication นอกจากนั้นยังผ่านการรับรอง GDPR, HIPAA และ ISO 27001 มีความเร็วสูง ปรับความเร็วตาม bandwidth ทำให้ RealVNC เป็นเบอร์ 1 อย่างแท้จริง
- Apple Remote Desktop : ถึงแม้ว่าจะสร้างโดย App และ เป็น native ก็ตามแต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการ หากทุกใช้สภาพแวดล้อมที่เป็น Mac 100% มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดี ถึงแม้ว่าเวอร์ชั่นล่าสุดจะสนับสนุน 2048-bit RSA แต่ท่านจะต้องใช้เวอร์ชั่นที่สูงกว่า 12 หากเป็น 12 ลงไป ก็จะสนับสนุน Secure Remote Password (SRP) ที่ 128 บิตแทน มันต้องซื้อแยกมีราคาประมาณ 2600 บาทต่อผู้ใช้งาน 1 คน
- TeamViewer : หนึ่งในบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ Remote Access มานาน มันทำงานได้บน macOS, Windows, Linux ในเวอร์ชั่นปัจจุบันที่มีการปรับปรุงเรื่องความปลอดภัย สนับสนุน SSO สำหรับ Google, Microsoft, Apple Authen เช่นเดียวกับ MFA ในการติดตั้ง ท่านจะต้องเลือก ระดับความปลอดภัย ในการเข้าถึง เช่น ฮาร์ดดิสก์ หรือ แชร์จอ ในส่วนการเชื่อมต่อจากไคลเอนต์ นอกจากนั้นท่านอาจจะต้องใช้ cloud-brokered connect เพื่อเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ ไม่ได้สนับสนุนล็อกอินด้วยบัญชี ทำให้การควบคุมระดับองค์กรลำบาก สำหรับราคานั้นจะต้องบอกว่าสูงใช้ได้
- AnyDesk : ซอฟต์แวร์ที่เหมาะกับองค์กรขนาดเล็ก การติดตั้งง่ายสนับสนุน unattended access มีฟีเจอร์เช่น สั่งพิมพ์รีโมต การโอนถ่ายไฟล์ การบริหารแบบรวมศูนย์ขั้นต้น การติดตั้งในองค์กรขนาดใหญ่จะไปเชื่อมกับ LDAP และสนับสนุน SSO login รวมถึง MFA และ ISO 27001 แต่อย่างไรก็ตามการสนับสนุน HIPAA จะต้องตั้งค่าเพิ่มเติม มีการเข้ารหัส 256 AES และ TLS1.2 แต่ไม่มี granular control และ การรวมศูนย์บริหารแบบครบวงจร
- Chrome Remote Desktop : ฟรีแต่มีข้อจำกัด ทำงานเป็น plug-in ทำงานได้บน Chrome และ Firefox แต่ไม่ค่อยมีฟีเจอร์ระดับมืออาชีพ ไม่มีการจัดการทราฟิก และ การแสดงผลบางครั้งก็อาจจะต้องสวนทางกับการตอบสนอง

เพราะผู้ใช้งาน บน macOS นั้นมีความต่าง ในเรื่องการต้องการใช้ทรัพยากร และ การแสดงผลที่ยอดเยี่ยม ทำให้บางครั้งการเลือก Remote Desktop ก็จะต้องพิจารณาให้มากกว่าเดิม ปรึกษาเราวันนี้เพื่อคำแนะนำและข้อเสนอที่ดีที่สุด Line OA : @avesta.co.th หรืออีเมล์ [email protected]