วิธีการติดตั้ง WireGuard VPN Client for Windows

Published on February 9, 2024
วิธีการติดตั้ง WireGuard VPN Client for Windows

วันนี้เรามาเรียนรู้วิธีการติดตั้ง WireGuard VPN Client for Windows กัน

WireGuard เป็นโปรโตคอล VPN (Virtual Private Network) รุ่นใหม่ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความเร็ว, ความเรียบง่าย, และความปลอดภัย ถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนโปรโตคอล VPN รุ่นเก่าๆ อย่าง IPSec และ OpenVPN ด้วยการใช้เทคนิคการเข้ารหัสที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ทำให้ WireGuard สามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าในหลายๆ ด้าน เช่น การเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้น, การใช้งานทรัพยากรระบบที่ต่ำลง, และการตั้งค่าที่ง่ายดาย

 

WireGuard ใช้เทคนิคการเข้ารหัสที่ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัย อาทิเช่น Curve25519 สำหรับการแลกเปลี่ยนกุญแจ, ChaCha20 สำหรับการเข้ารหัสข้อมูล, Poly1305 สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล, และ BLAKE2s สำหรับการสร้างกุญแจ นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบมาให้มีความเรียบง่ายที่สุด โดยมีโค้ดเพียง 4,000 บรรทัด ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบความปลอดภัยและบำรุงรักษา

WireGuard สามารถทำงานได้บนแพลตฟอร์มหลายชนิด รวมถึง Linux, Windows, macOS, BSD, iOS และ Android และเนื่องจากมีการออกแบบมาให้มีความเรียบง่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าและใช้งาน VPN ได้อย่างง่ายดาย เมื่อเปรียบเทียบกับโปรโตคอล VPN อื่นๆ

 

1. ท่านจะต้องทำการดาวน์โหลด VPN Client จาก https://www.wireguard.com/install

2. หลังทำการติดตั้งแล้วให้ท่าน เลือก Add Tunnel และเลือก Add empty tunnel ตามรูปที่ 1

 

WireGuard VPN Client for Windows

รูปที่ 1  Add Tunnel

 

3. หลังจากนั้นระบบจะ popup หน้าต่างรูปที่ 2 ขึ้นมา

 

WireGuard VPN Client for Windows

 

รูปที่ 2 แสดง (1) Public Key ซึ่งเป็น Key ที่ท่านจำเป็นจำต้องนำไปบอกกับผู้ให้บริการฝั่ง Server และ (2) PrivateKey ซึ่งท่านห้ามเปิดเผยคีย์ตัวนี้ให้กับผู้ใดทราบเด็ดขาด

 

หลังจากท่านแจ้ง Public Key ของท่านให้ฝั่งผู้ให้บริการ Wireguard VPN Server ทราบแล้ว ผู้ให้บริการจะแจ้ง IP ที่ท่านสามารถใช้งานได้มา และ แจ้ง Public Key จากฝั่ง Server มา ท่านก็เพียงแต่นำค่าดังกล่าวที่ท่านได้ มาเพิ่มในข้อความดังรูปที่ 3

 

 

WireGuard VPN Client for Windows

 

รูปที่ 3 แสดงการตั้งค่า IP และ EndPoint ท่านท่านได้จากฝั่ง Server มาใส่พร้อมตั้งชื่อ VN ของท่านและทำการกด Save

หลังจากนั้นให้ท่าน กด Active เมื่อเป็นสีเขียว ท่านก็สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตผ่าน VPN ได้ทันที และ เพื่อให้แน่ใจ ท่านจะต้องเข้าไปที่เว็บให้บริการเช็คไอพี หรือว่า พิมพ์ what is my ip address จาก google ระบบก็จะแสดงไอพีของท่าน ซึ่งจะเป็นไอพีของ VPN

เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถใช้งาน VPN ได้แล้ว ซึ่งง่ายและรวดเร็วกว่าระบบเดิมๆ ที่ท่านเคยใช้แน่นอน และ หากสนใจระบบ Virtual Private Network ไม่ว่ามาตรฐานใด เช่น SSL, IPSec, OpenVPN หรือ Wireguard ติดต่อเราได้ทันที เรามีบริการให้คำปรึกษาเรื่องความปลอดภัยครบทุกรูปแบบ

 

AVESTA ให้บริการออกแบบ Network ทุกขนาด ไม่ว่าธุรกิจของท่านจะเป็นแบบใด ปรึกษาเราวันนี้ ที่อีเมล์ [email protected] หรือ LINE ID : @avesta.co.th หรือเบอร์โทร +66(0)45-959-612

 

วิธีการตั้งค่า VLAN บนอุปกรณ์ Ovolink GS1110P 8-Port PoE Smart Managed Switch

Ovolink’s Smart Managed Gigabit PoE+ ที่มีการจัดการอัจฉริยะของ Ovolink เป็นโซลูชั่นที่ดีเยี่ยมสำหรับเครือข่ายในบ้านและสำนักงานขนาดเล็กที่ซับซ้อนมากขึ้น GS1110P มอบความสามารถด้านเครือข่ายที่กำหนดค่าได้สูง...

Read more »

วิธีการทำ vlan trunk จาก L2 Switch ไปยัง Mikrotik Router

VLAN ย่อมาจาก Virtual Local Area Network หรือเครือข่ายแบบเสมือนของพื้นที่เชื่อมต่อท้องถิ่น เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยแยกเครือข่ายโดยทำให้เครือข่ายภายในองค์กรหรือองค์กรภายนอกแยกเป็นกลุ่มย่อยๆ ที่แตกต่างกัน โดยที่กลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มนั้นไม่สามารถสื่อสารกันได้โดยตรง...

Read more »

ทำไม Proxmox Virtual Environment (PVE) ถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของ Hypervisor

Proxmox Virtual Environment (PVE) เป็น Hypervisor และ Platform ในการจัดการ Virtual...

Read more »

วิธีการตั้งค่า VLAN บนอุปกรณ์ TP-Link Smart Switch TP-SG105PE รุ่นจิ๋วมากด้วยความสามารถ ในราคาสบายกระเป๋า

TP-Link TL-SG105PE เป็น Switch  ที่มีความเร็ว 5 Port ที่รองรับ Gigabit Ethernet...

Read more »

วิธีการติตตั้ง Kali Linux บน VMware vsphere

Kali Linux เป็นระบบปฏิบัติการ Linux ที่พัฒนาขึ้นโดย Offensive Security โดยเฉพาะสำหรับการทดสอบความปลอดภัยและการทดสอบทางไซเบอร์ เป็นเครื่องมือสำหรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ...

Read more »

วิธีการติตตั้ง Burp Suite Enterprise เครื่องมือด้านความปลอดภัยสำหรับเว็บแอปพลิเคชัน

Burp Suite Enterprise เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการทดสอบความปลอดภัยของเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application Security Testing) ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท PortSwigger...

Read more »