สำหรับความเร็วนั้นต้องบอกว่า เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรไฝ่หา เพราะความเร็วเป็นความได้เปรียบทางธุรกิจไปแล้วในปัจจุบัน และหน่วยเก็บข้อมูลนั้น ก็มีส่วนอย่างมาก ที่เป็นปัจจัยที่จะทำให้การประมวลผลโดยรวมนั้นช้าหรือเร็ว
วันนี้เราจึงพาไปรู้จักกับเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วย Form Factor หลากต่อหลายแบบ เพื่อให้กับเหมาะกับความต้องการของท่าน
Enterprise SSD ในตลาดมีหลายฟอร์มแฟกเตอร์ (Form Factor) และอินเทอร์เฟซ (Interface) โดยแต่ละแบบนั้นบางครั้งก็มีความต่างกันในเรื่องระบบหลักที่รองรับการเชื่อมต่อ แต่ละแบบไม่เหมือนกัน เช่น Server, Storage Array, หรือ Data Center แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้บาครั้ง ระบบหลักหรือ server ของท่านไม่รองรับกับ interface แต่ก็ยังสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมมาได้ หากท่านมี PCIe Slot เหลืออยู่ให้เพิ่มได้ งั้นเราไปดูกันเลยว่า ปัจจุบันมี Form Factor อะไรบ้าง
1. U.2 (เดิมชื่อ SFF-8639) เป็นหนึ่งใน Enterprise SSD ที่มีการใช้งานกันมานานพอสมควร และราคาเริ่มเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในปัจจุบัน
– อินเทอร์เฟซ: NVMe หรือ SATA/SAS (แต่ NVMe เป็นที่นิยม กว่าและในปัจจุบันแทบจะเป็น NVME ทั้งหมดแล้ว)
– ขนาด: 2.5 นิ้ว แต่หนากว่า SSD ทั่วไป (15 มม.)
– การใช้งาน: ใช้ใน Server หรือ Storage Rack ที่รองรับ U.2
ข้อดี: Hot-swap ได้ เหมาะกับ High-IOPS workload
2. U.3 หรือรุ่นใหม่กว่า U.2 ทำงานด้วยความเร็วสูงกว่า
– พัฒนาเพิ่มจาก U.2 และ รองรับ 3 โปรโตคอลในพอร์ตเดียว — NVMe, SAS, SATA
ข้อดี: รองรับ Multi-protocol auto-negotiation ทำให้ Slot เดียวใช้งานได้หลากหลาย
การใช้งาน: มักใช้ใน Server/Storage ที่รองรับ U.3 backplane
3. M.2 (Enterprise Grade) สำหรับ slot M.2 นั้นเราอาจจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะมีการใช้งานที่หลากหลายในระดับ desktop/workstation ด้วยเช่นกัน
ขนาด: เล็ก ใช้ในระบบที่เน้นความหนาแน่นต่ำ
อินเทอร์เฟซ: NVMe (ผ่าน PCIe)
ข้อเสีย: ไม่สามารถ hot-swap ได้ เหมาะกับ OS boot หรือ Edge server เลยทำให้มันอาจจะไม่เหมาะกับ data center ซะทีเดียว
4. E1.S / E1.L (Enterprise and Data Center SSD Form Factor – EDSFF)
– พัฒนาโดย: กลุ่ม SNIA/Intel เพื่อแทนที่ U.2/U.3
– E1.S: ขนาดเล็กกว่า U.2 ใช้ใน Blade หรือ 1U Server
– E1.L: ขนาดยาวกว่า มีความจุสูง
ข้อดี: ออกแบบเพื่อความหนาแน่นสูง ระบายความร้อนได้ดี
5. E3.S / E3.L (ต่อจาก E1) ซึ่งเป็นตัวใหม่ล่าสุด ทำงานได้เร็วมาก
– Form Factor ใหม่: ใช้กับ PCIe Gen 5 ได้ดี
– ความเร็วสูงมาก: รองรับการใช้งาน AI/ML หรือ High-performance storage
– เริ่มมีใช้ใน Data Center ยุคใหม่ ราคายังสูงมาก
6. PCIe Add-in Card (AIC)
– หน้าตาเหมือนการ์ดจอ: เสียบในสล็อต PCIe โดยตรง
– ความเร็วสูง: NVMe บน PCIe x4/x8
ข้อเสีย:ใช้พื้นที่เยอะ ไม่เหมาะกับระบบที่มีข้อจำกัดด้านขนาด
7. SATA/SAS SSD (2.5″)
– แม้จะไม่เร็วเท่า NVMe แต่ยังนิยมใช้ในบางระบบที่มี Legacy Infrastructure หรือระบบที่ยังค่อนข้างเก่า
– รองรับ Hot-swap
– ทำงานช้า และ ไม่เหมาะแล้วกับการประมวลผลยุคใหม่เท่าไหร่
การนำไปใช้กับ Virtualization ยุคใหม่เช่น Proxmox VE
ท่านสามารถ นำ SSD Form Factor มาใช้กับ Proxmox VE ได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น
1. SSD SATA/SAS ปกติแล้วจะใส่ได้เลย ไม่ว่าท่านจะใช้ Server รุ่นใด เพราะถือว่าเป็น Procotol มาตรฐานในปัจจุบัน
2. M.2 NVME มีบางรุ่นที่สนับสนุนแล้ว แต่เนื่องจากความจุต่อตัวยังน้อย ท่านอาจจะต้องอาศัย NVME Card มาเสริม เพื่อให้ Server ขอท่าน มีจำนวน Slot M.2 เพิ่มขึ้น ในปัจจุบันมี Quad M.2 Slot ขายแล้ว และ มีราคาไม่แพง
3. U.2/U.3/E1.S/E1.L/E3.S/E3.L มีการใช้งานใน server รุ่นใหม่ และ กรณีท่านต้องการใช้งาน แต่ Server ไม่สนับสนุน ท่านสามารถซื้อ PCIe Card มาใช้งานได้เช่นกัน และ ด้วยความจุที่สูงมากของ Form Factor ดังกล่าว เช่น 8TB/16TB หรือสูงกว่านั้น ทำให้ท่านไม่จำเป็นต้องใส่หลายตัวก็ได้ความจุที่ต้องการได้ง่ายดาย
และ เมื่อท่านใส่ SSD ไม่ว่าตัวแล้ว ท่านสามารถ นำไปใช้งานร่วมกับ Software Defined Storage (SDS) ภายใน Proxmox VE ได้เลย เพื่อให้ท่านได้ Concept แบบ HCI และ ยืดหยุ่น ต่อการใช้งาน และ การขยายที่ไม่จำกัดเลย
หากท่านมีคำถาม หรือต้องการ ใช้งาน ปรึกษาเราฟรีวันนี้ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ หรือ ซอฟต์แวร์ Proxmox VE เราเป็นตัวแทนจำหน่ายโดยตรง คุยกับเราผ่าน Line OA : @avesta.co.th หรืออีเมล์ [email protected]