ก่อนที่จะไปเรียนรู้ว่า Edge Computing นั้นจะมีประโยชน์กับท่านและองค์กรของท่านอย่างไรนั้น เราจะไปดูว่าปัจจุบันนี้ หรือยุคก่อน Edge Computing นั้น การเชื่อมต่อ หรือ การทำงานของซอฟต์แวร์นั้นเป็นอย่างไร
Pre-Edge Computing Era
สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์และการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลมีลักษณะค่อนข้างจะรวมศูนย์ (Centralized) โดยซอฟต์แวร์ในปัจจุบันส่วนใหญ่นั้นถูกออกแบบบนสมมติฐานว่า เครือข่ายมีเสถียรภาพ ข้อมูลอยู่ศูนย์กลาง และผู้ใช้เป็นเพียง client โครงสร้างโดยรวมสามารถอธิบายได้ดังนี้

Credit : blog.algomaster.io
1. สถาปัตยกรรมแบบ Centralized / Client–Server ซึ่งมีลักษณะคือ มีฐานข้อมูล และ มี Client ไม่ว่าจะเป็นมือถือหรือ Terminal เป็นตัวเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน ซึ่งอาจจะเป็น Windows Form, Web UI, Mobile UI
2. ฐานข้อมูลเป็นแบบเดี่ยว หรืออาจจะมี Replica เพื่อการทำรายงานหรือ OLAP บ้าง เพราะไม่ต้องการงานเขียนหลายที่
3. มีการทำ Replication แบบทางเดียว เพื่อการป้องกันภัย

4. scale หรือขยายได้ยาก และ ไม่เหมาะกับการทำงานหลายสาขา
5. การจัดการแบบ Offline แทบจะทำไม่ได้เหรือยากมาก
ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว ประกอบกับความต้องการที่เปลี่ยนไปในแง่ของธุรกิจ เช่น
ทำให้เปิดปัญหาหลายอย่างเช่น
ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เกิดความต้องการที่จะใช้งานสิ่งที่เรียกว่า Edge Computing
Edge Computing กลายเป็นเทคโนโลยีที่ สำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน เพราะรูปแบบการใช้งานระบบไอทีและข้อมูลของธุรกิจได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ จาก “ทุกอย่างอยู่ที่ศูนย์กลาง (Centralized)” ไปสู่ “ข้อมูลและการประมวลผลอยู่ใกล้จุดใช้งานมากที่สุด” เหตุผลหลักสามารถอธิบายได้ดังนี้
1. ความต้องการความเร็วและ Latency ที่ต่ำมาก เพื่อการตอบสนองที่เร็ว ในหลายอุตสาหกรรม การรอผลลัพธ์จาก Cloud หรือ Data Center กลางอาจช้าเกินไป เช่น
Edge Computing จะช่วยให้
2. ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
อุปกรณ์ IoT, Sensor, กล้อง, เครื่องจักร กำลังสร้างข้อมูลจำนวนมากตลอดเวลา และ ปัจจุบันมันเป็นส่วนหนึ่งของความต้องการทางธุรกิจ หรือแม้แต่ส่วนบุคคลไปแล้ว หากส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังศูนย์กลาง อาจจะมีข้อเสียดังนี้
Edge Computing จะช่วยให้
3. ความต่อเนื่องของระบบ (Offline / Intermittent Connectivity) เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเชื่อมต่อนั้น ไม่สามารถจะอยู่ที่ระดับ 100% ได้
Edge Computing จะช่วยให้
4. ความต้องการด้านความมั่นคงและอธิปไตยข้อมูล (Data Sovereignty) ซึ่งตอนนี้ในหลายประเทศและหลายองค์กร จะมีนโยบายว่า
Edge Computing จะช่วยให้
5. ความยืดหยุ่นและความทนทานของระบบ (Resilience) โดยระบบที่พึ่งพาศูนย์กลางเพียงจุดเดียว
Edge Computing จะช่วยให้
6. รองรับรูปแบบธุรกิจยุคใหม่ Edge Computing เป็นตัวเร่งให้เกิด
สรุปภาพรวม
และเมื่อ Edge มีบทบาทมากขึ้น เทคโนโลยีอย่าง Multimaster Synchronization และ Change Data Capture (CDC) จึงกลายเป็นกลไกสำคัญในการทำให้ข้อมูล ถูกต้อง สอดคล้อง และพร้อมใช้งานทุกที่
Change Data Capture (CDC) คือเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับ ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลในฐานข้อมูล โดยไม่ต้องอ่านข้อมูลทั้งตารางซ้ำ ๆ และเป็นกลไกสำคัญของระบบสมัยใหม่ เช่น Replication, Multimaster Synchronization และ Edge Computing
แนวความคิดของ CDC คือ
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อมุลไม่ว่าจะเป็น
ระบบ CDC จะทำการจับว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง โดยเราจะเรียกมันว่า Change Event และ จะทำการส่งต่อความเปลี่ยนแปลงนั้นไปยังปลายทาง
สนใจจะทำให้ application ของท่านทันสมัยขึ้น โดยสนับสนุนทั้ง Multimaster Synchronization และ CDC พูดคุยกับเราวันนี้ผ่าน Line OA : @avesta.co.th หรืออีเมล์ [email protected]