FreeBSD มีต้นกำเนิดมาจาก ระบบปฏิบัติการ UNIX ของมหาวิทยาลัย UC Berkeley โดยเ BSD ก็ย่อมาจาก Berkeley Software Distribution
เพราะในช่วงแรกๆ นั้น UC Berkeley พัฒนา UNIX รุ่นของตัวเองขึ้นจาก UNIX ของ AT&T เรียกว่า BSD UNIX ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น
โปรเจกต์ 386BSD เพื่อให้ BSD ทำงานบนซีพียู Intel 80386 และหลังจากนั้นก็เกิด เกิด FreeBSD เพราะกลุ่มนักพัฒนาต้องการทำระบบที่เสถียรและเปิดเผยซอร์สโค้ด หลังจากที่ 386BSD มีปัญหาด้านข้อกฎหมายและการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง

FreeBSD นั้นถูกใช้งานในบริษัทดังๆ มากมายเช่น Netflix, Amazon, Google, Microsoft, Samsung, Nvidia, Intel, Arm, OVHcloud, Klara และอีกมากมาย เนื่องจากความเสถียรของตัวมันเอง และมันมีชื่อเสียงอย่างมากดในการเป็นเซิร์ฟเวอร์และ appliance โดยมีการพัฒนาเรื่อยมาจนปัจจุบันคือ FreeBSD 15
FreeBSD 15 ที่มีการพัฒนาไปอย่างมาก
เรื่องแรกเลยคือสถาปัตยกรรมที่สนับสนุน ใน v15 นี้สถาปัตยกรรม 32bit นั้นสนับสนุนเพียงแค่ตัวเดียวคือ armv7 เพราะว่ามันเก่ามากแล้ว และ application 32bit ก็ทำงานในโหมดความเข้ากันได้เท่านั้นบน i386,armv7 และ powerpc
ในด้านการสนับสนุนอุปกรณ์พกพานั้น ได้รับการปรับปรุงโดยมุ่งเน้นการทำงานไปยัง laptop และ อุปกรณ์พกพา เพิ่มขึ้น เช่นการติดตั้งบน notebook นั้นแต่ก่อนก็อาจจะมีอุปสรรคไม่น้อย แต่ใน FreeBSD 15 นี้หลายอย่างได้รับการพัฒนา ตั้งแต่เรื่องการจัดการพลังงาน กราฟิกไดรเวอร์ และ WLAN เช่นการสนับสนุน Intel IEEE 802.11a/b/g/n/ac/ax/be รวมไปถึง WiFi5 และ chip WiFi6/7 เกือบทุกตัว
พูดถึงเรื่องคลาวด์คงจะไม่สามารถขัดกระแสได้ ใน FreeBSD 15 นี้ก็สนับสนุน cloudinit และ OpenStack นอกจากนั้นยังเป็น OCI-compatible image ด้วย เพราะฉะนั้นท่านจะเห็นว่าใน cloud provider ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Microsoft, Google, Oracle ก็สนับสนุนหรือมี instance FreeBSD 15 ทันที
การเริ่มทำงานด้วย SysInit ใช้การจัดเรียงใหม่ ทำให้มันขึ้น 100 เท่า เช่นการบูน ทำงานได้ในเพียง 25ms ใน Amazon Web Services (AWS FaaS Lambda)
มีการสนับสนุน NFSv4.2 cloning ที่ใช้สำหรับ CoW ซึ่งทำงานได้บน ZFS File system
การจัดการ package ด้วย pkgbase ซึ่งเป็นตัวจัดการ package ใหม่ ซึ่งตอนนี้เริ่มใช้ใน FreeBSD 15 และ จะบังคับใช้ใน FreeBSD 16 ด้วย ซึ่งแต่ก่อนนั้นจะใช้ freebsd-update
ตั้งแต่ FreeBSD 7.0 ในปี 2008 ก็ได้เริ่มมีการใช้งาน ZFS อยู่แล้ว เพราะ นักพัฒนาเชื่อว่ามันคือ file system ที่มีประสิทธิภาพสูง ต่อมาก็เปลี่ยนเป็น OpenZFS ใน FreeBSD 13 และใน FreeBSD 15 นี้ได้ใช้งาน OpenZFS ตัวใหม่ล่าสุดคือ 2.4rc4
สิ้นสุดการรอคอยสาย network ด้วยการสนับสนุน NAT ใน pf(4) ซึ่งก่อนหน้านี้มีแต่ IPFW

สรุปว่า การออก FreeBSD 15 ในครั้งนี้เอาใจทุกสายเลยก็ว่าได้ ทั้งสาย Server และ Desktop
https://youtu.be/aHVn0B623vk