สำหรับตอนที่ 2 นี้เป็นตอนจบของการเปรียบเทียบ Proxmox VE และ Nutanix AHV ในแง่มุมต่างๆ เพื่อช่วยให้ท่านเลือกระบบ hypervisor ที่ง่ายและตรงกับความต้องการของท่านได้ง่ายขึ้น

ฟีเจอร์ด้านเน็ตเวิร์ก

ฟีเจอร์เกี่ยวกับเน็ตเวิร์กเป็นสิ่งที่จะเกี่ยวข้องกับการที่ VM ของท่านนั้นเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายภายนอกได้อย่างไร การตั้งค่า adapter บนโฮสต์ และ การตั้งค่าเน็ตเวิร์กสำหรับสภาพแวดล้อมแบบคลัสเตอร์ เพื่อสนับสนุนการ Migrate VM รวมถึง HA

Proxmox VE สนับสนุนความเน็ตเวิร์กในหลายๆ รูปแบบ เช่นการทำบริดจ์ การทำ Teaming (NIC bonding) การทำ Link Aggregation การทำ VLAN แต่อย่างไรก็ตามความสามารถด้านการทำ Software Defined Networking (SDN) ที่มีความซับซ้อนอาจจะตามหลัง Nutanix AHV อยู่บ้างในหลายๆ แง่โดยเฉพาะด้านการจัดการ

Proxmox VE ใช้ QEMU virtual NIC (vNIC) สำหรับ VM และใช้ไดรเวอร์แบบ virtio ซึ่งมีความเร็วสูงกว่าการทำการจำลองเน็ตเวิร์กการ์ด หรือแม้การสนับสนุน vNIC จากฮาร์ดแวร์โดยตรงได้ ใน NIC ที่สนับสนุนก็ยิ่งทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น และ Open vSwitch หากใช้งานก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านความยืดหยุ่นในการจัดการเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมแบบ multi-tenant

สำหรับ virtual machine นั้น Proxmox VE สนับสนุน

• Bridge เชื่อมต่อ VM โดยตรงไปยังเน็ตเวิร์กเดียวกับ Proxmox VE Host โดยการตั้งค่านี้ถือเป็น default
• NAT เป็นการเชื่อม VM ไม่ว่าจะระหว่าง VM หรือกับ โอสต์ได้ ผ่านการตั้งค่าแบบ manual และแน่นอนว่าท่านจะต้องตั้งค่า bridge ก่อน ทำได้ผ่าน CLI
• local host วิธีการนี้ จะเป็นการทำสื่อสารกับ VM ได้แต่ VM ไม่สามารถออกภายนอกเน็ตเวิร์กได้

Nutanix AHV มีความซับซ้อนสูงกว่าถ้าพูดถึงเน็ตเวิร์ก เพราะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของ Hyper-converged Infrastructure (HCI) โดยมีฟีเจอร์เช่น overlays, VLAN tagging, VXLAN, NIC teaming นอกจากนั้นแล้วก็ยังสนับสนุน LACP เช่นเดียวกับ Proxmox VE

Nutanix AHV ถ้าทำงานร่วมกับ Nutanix Flow ทำให้คุณแบ่งเน็ตเวิร์กภายใน ที่คาบเกี่ยวกับโฮสต์หลายๆ ตัวได้ นอกจากนั้นมี Firewall ที่ตั้งค่าได้หลายระดับ

ราคาค่าลิขสิทธิ์

สำหรับค่าใช้จ่ายในเรื่องสิทธิ์การใช้งานนั้น ต้องเรียกว่าสองระบบนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Proxmox VE จะเรียกว่าฟรีก็ได้ เพราะทุกคนเข้าถึงได้ และ ติดตั้งได้ ใช้งานได้ โดยระดับราคาแยกจากการซื้อบริการหลังการขาย มากกว่าตัวซอฟต์แวร์เอง ในขณะที่ฟีเจอร์นั้นเหมือนกันหมด ในทุกระดับราคา และ มี community ที่ active อย่างมาก เพราะมีผู้ใช้งานที่หลากหลาย สำหรับราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 115EUR

Nutanix AHV จะมีราคาที่ผูกกับ HCI ทั้งหมด ที่จะรวม สตอเรจ เน็ตเวิร์ก และ คอมพิ้ว โดยที่ Nutanix AHV นั้นถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่ง รูปแบบสิทธิ์การใช้งานจะแบ่งเป็น

• Capacity-based licensing หรือปริมาณการใช้งาน เช่น ทรัพยากร CPU หรือ Node เช่นซื้อ license ตาม cores ของ CPU, RAM หรือ จำนวนโหนด
• Nutanix Prism เป็นตัวบริหารระบบทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของ license
• Nutanix AHV จะถูกรวมเข้ากับสิทธิ์การใช้งาน

โดยรูปแบบของ Edition จะมีดังนี้

• Free Version ซึ่งเรียกว่า Community Edition ใช้งานได้ฟรี เพื่อทดสอบ หรือ เพื่อส่วนตัว โดยไม่หวังผลทางการค้า โดยใช้งานได้ที่ 4 nodes และ แรมไม่เกิน 128gB ต่อโหนด
• Standard Edition รวมฟีเจอร์ด้านการทำ virtualization, compute (hypervisor) และ Nutanix DFS เหมาะกับองค์กรขนาดเล็ก ราคาเริ่มต้นที่ 10,000USD ต่อโหนด (แต่ไม่รวมเนื้อที่ ซึ่งต้องซื้อแยก)
• Pro Edition มีฟีเจอร์เพิ่มเช่น data protection, replication และ DR เหมาะกับองค์กรขนาดกลางหรือใหญ่
• Ultimate Edition ฟีเจอร์ครบเช่นการทำ multi-cloud, DR automation เครื่องมือวิเคราะห์ ราคาเริ่มต้นที่ 20,000USD – 30,000USD ต่อโหนดขึ้นไป

Nutanix นั้นบ่อยครั้งที่เราจะเห็นว่าคิดตาม TB หรือเนื้อที่ใช้งาน หรือ CPU cores เพราะฉะนั้นราคาที่แน่นอนจะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมกับทางเซลล์

การสำรองข้อมูลและการกู้ข้อมูล

แน่นอนว่าภัยทางไซเบอร์ทำให้การสำรองข้อมูลเป็นเรื่องที่ขาดเสียไม่ได้ในปัจจุบัน

Proxmox VE มีเครื่องมือสำรองข้อมูลที่ทำงานเข้ากันได้อย่างดี ที่จะสำรองได้ทั้ง VM และ container ข้อมูลที่เก็บถูกบีบอัด และ สนับสนุนการทำ incremental เก็บได้ภายในโฮสต์หรือผ่าน NFS,SMB, Ceph หรือ ZFS

การสั่งสำรองทำได้ผ่าน API

Nutanix AHV มีในตัวเช่นกัน และ เป็นส่วนหนึ่งของ Nutanix Data Protection (NDP) ส่วน Nutanix Leap นั้นเป็นระบบ Disaster Recovery ขั้นก้าวหน้า ทำให้เรากำหนด recovery plan ได้ ย้ายเวิร์กโหลดข้ามไซต์ได้

และต้องบอกว่าทั้ง Proxmox VE และ Nutanix AHV สามารถสำรองข้อมูลด้วย 3rd party backup ได้เช่น Nakivo, Veeam, Storware และอื่นๆ

เมื่อใดท่านควรเลือก Proxmox VE

• เมื่อท่านมีงบประมาณจำกัด แต่ต้องการระบบที่มีความเสถียร มีประสิทธิภาพสูง ทำงานได้ทั้ง VMs และ Containers
• ต้องการ open-source software
• อาจจะมีระบบเครือข่ายที่ไม่ได้ซับซ้อนสูง
• มีการใช้งานฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย และ ปรับแต่งได้
• ปรับแต่งได้ดี ถึงแม้จะต้องมีทักษะบ้าง

เมื่อใดท่านควรเลือก Nutanix AHV

• เมื่อท่านต้องการ HCI ทั้งระบบทีเดียวเลย มีระบบเครือข่ายที่ซับซ้อน
• มี VM จำนวนมาก ต้องการระบบ provision ที่เร็ว
• มีระบบ load balance มาพร้อม, HA, FT
• การทำ automation

• Facebook
• Twitter
• Line