การปกป้องเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับหลายต่อหลายองค์กร เนื่องจาก WordPress เป็นแพลตฟอร์มที่นิยมใช้ในการสร้างเว็บไซต์ ที่มีผู้ใช้อย่างกว้างขวาง โดยจากสถิติจาก wordpress.org พบว่ามีผู้ใช้งานมากกว่า 800 ล้านเว็บไซต์ทั่วโลก ซึ่งด้วยจำนวนดังกล่าว ทำให้มันกลายเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจมากสำหรับผู้โจมตี หรือผู้ไม่หวังดีทั้งหลาย การที่เว็บไซต์โดยโจมตีนั้น ทำให้เกิดผลเสียต่อธุรกิจอย่างมาก อย่างแรกคือ การขาดความน่าเชื่อถือ และ ที่รองลงมาคือ การโดนลดอันดับจาก search engine ทั้งหลาย ซึ่งส่งผลร้ายต่อการมีตัวตนในอินเตอเน็ตและจำนวนลูกค้าที่ลดลง
วันนี้เราจึงจะมาสอนเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ใช้ wordpress ซึ่งอาจจะแบ่งเป็นแนวทางได้ดังนี้
1. อัปเดต WordPress และปลั๊กอิน: แนะนำให้คุณอัปเดตระบบปฏิบัติการ WordPress และปลั๊กอินทั้งหมดที่คุณใช้ในเว็บไซต์ของคุณเสมอ เนื่องจากอัปเดตนี้มักประกอบด้วยการแก้ไขช่องโหว่ที่มีในเวอร์ชันที่แก่กว่า ที่อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณ F โดน deface หรือเสียหายได้ง่ายขึ้น
2. ใช้ธีมและปลั๊กอินที่น่าเชื่อถือ: เมื่อเลือกใช้ธีมและปลั๊กอินใน WordPress ให้แน่ใจว่าคุณใช้ธีมและปลั๊กอินที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการอัปเดตอยู่เสมอ
3. รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง: ใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัยและแข็งแกร่งที่สำหรับบัญชีผู้ดูแลระบบของคุณ และตัวเลือกในการสร้างรหัสผ่านให้ยากที่จะคาดเดา
4. กำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึง: ให้ใช้สิทธิ์การเข้าถึงที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้แต่ละคน โดยไม่ต้องให้สิทธิ์มากเกินไป
5. สำรองข้อมูลและความปลอดภัย: สำรองข้อมูลของเว็บไซต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอและเก็บข้อมูลสำคัญในสถานที่ที่ปลอดภัย โดยควรเก็บในมาตรฐาน 3-2-1 และใช้ซอฟต์แวร์ที่น่าเชื่อถือ เช่น Veeam, Nakivo ในการสำรองข้อมูล นอกจากนี้ยังควรใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น SSL ในการเข้ารหัสการสื่อสารระหว่างเว็บเบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์
6. จำกัดการลงชื่อเข้าใช้: ลองจำกัดจำนวนครั้งที่ผู้ใช้สามารถพิมพ์รหัสผ่านผิดได้ก่อนที่จะถูกล็อกออกจากระบบ
7. ควบคุมการแสดงผลข้อผิดพลาด: ควบคุมการแสดงข้อผิดพลาดเพื่อไม่ให้มีข้อมูลที่สำคัญถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เช่นการกำหนด การ debugging จะต้องไม่แสดงข้อผิดพลาดเช่น database info หรือ user/pass ในการเข้าถึงฐานข้อมูล
8. ดูแลความปลอดภัยของเครือข่าย: ในกรณีที่คุณใช้เซิร์ฟเวอร์ที่เป็นของตัวเอง ควรตรวจสอบและดูแลความปลอดภัยของเครือข่ายให้แน่ใจว่ามีการป้องกันการโจมตีเครือข่ายอย่างเหมาะสม หรือ ใช้บริการจากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ
9. ตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้: ตรวจสอบการล็อกอินและกิจกรรมของผู้ใช้เพื่อตระหนักถึงกิจกรรมที่ผิดปกติ
10. ใช้ความตระหนักที่เพิ่มขึ้น: ให้ความสำคัญกับการศึกษาเกี่ยวกับการปกป้องความปลอดภัยเว็บไซต์และตัวเอง โดยทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคและเครื่องมือที่มีอยู่เพื่อปกป้องความปลอดภัย
การปกป้องเว็บไซต์ใน WordPress เป็นกระบวนการที่ต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และควรทำให้มั่นใจว่ามีการเสริมสร้างการป้องกันความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณเสมอ ซึ่งต้องอาศัยหลายเทคนิค และ พื้นฐานความรู้ที่ดี ตั้งแต่ระดับ OS และ Application
หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากเรา ทาง AVESTA มีบริการ สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์ สำรองข้อมูล และ บริการเรื่องการรักษาความปลอดภัยครบวงจรสำหรับเว็บที่สร้างโดย WordPress ท่านสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ https://buildwordpress.site