เราอาจจะพูดได้ว่า ระบบฐานข้อมูลนั้นได้กลายเป็นกระดูกสันหลังขององค์กรและแอปพลิเคชันยุคใหม่ไปแล้ว การเข้าใจว่า ฐานข้อมูลแต่ละชนิดและการนำไปใช้งานนั้นก็กลายเป็นเรื่องจำเป็นที่นักพัฒนา รวมถึงผู้ที่อยู่ในสายงานไอที ต้องเรียนรู้ ไม่ว่าคุณกำลังจะสร้างแอปสำหรับใช้งานส่วนตัวหรือสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ การเข้าในฐานข้อมูลและเลือกใช้งานให้ถูกต้อง ถือเป็นส่วนที่จะต้องทำ
อะไรคือฐานข้อมูล
ฐานข้อมูลก็คือกลุ่มของโครงสร้างข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และ ถูกบริหารโดย Database Management System (DBMS) โดยที่ระบบฐานข้อมูลนั้นจะมีหน้าที่ในการ เก็บ ดึง และ บริหาร ข้อมูลทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ และ เป็นพื้นฐานให้แอปพลิเคชันทำงานได้ดี
การเลือกชนิดฐานข้อมูลนั้นแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อ ประสิทธิภาพ การขยาย ความเถสียร และ ความถูกต้องของข้อมูล แอปพลิเคชันสมัยใหม่นั้นพึ่งพาฐานข้อมูลอย่างมาก เพื่อให้องค์กรได้เข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว และ เสถียร
ชนิดของฐานข้อมูลสมัยใหม่
สำหรับตัวอย่างของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์บางส่วนก็จะมี
มันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับ ระบบการเงิน อีคอมเมิร์ส การวิเคราะห์ข้อมูลระดับองค์กร
2. ฐานข้อมูล NoSQL
NoSQL นั้นเราเรียกว่าฉีกกฏจากการมีโครงสร้าง และ ตาราง ไปเป็นการอนุญาตให้ใช้งาน เราเรียกว่ากึ่งโครงสร้าง เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการเก็บข้อมูล
ชนิดของฐานข้อมูล NoSQL
เรามาดูความก้าวหน้าบางตัว
มันใช้งานได้ยอดเยี่ยมกับ การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ระบบ IoT, Social Media และข้อมูลสตรีมมิ่ง
3. ฐานข้อมูลคลาวด์
สำหรับฐานข้อมูลคลาวด์นั้นเราเรียกว่าเป็นดาต้าเบสแบบบริหารได้ มีความเสถียรสูง ยืดหยุ่นสูง และ ขยายได้ทันทีเมื่อต้องการ และ ทำงานได้แบบเซิร์ฟเวอร์เลส เราอาจจะเรียกมันว่าเป็น Database-As-A-Service (DBaaS)
ผู้เช่นชั้นนำในตลาดคือ Amazon RDS, Google Cloud SQL, Azure SQL database, MongoDB Atlas, Amazon Aurora
4. In-Memory และ ฐานข้อมูลแบบกระจาย
สำหรับ In-Memory ก็คือมีความหมายในตัวมันเองเลยคือ มันทำงานแบบในหน่วยความจำ เช่น SAP HANA, SingleStore และ Redis ซึ่งใช้หน่วยความจำหรือ RAM ในการเก็บข้อมูล เพื่อการเข้าถึงแบบ real-time
ฐานข้อมูลแบบกระจายก็จะเป็น CockroachDB, Google Spanner ซึ่งสนับสนุนการทำงานแบบ ACID และทำงานได้แบบ NoSQL ด้วย รองรับการขยายได้ดี
5. Time-Series database
ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเก็บข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กับเวลาเป็นหลัก เช่น การอ่านค่าจากเซนเซอร์ มันเหมาะอย่างยิ่ง สำหรับกาคิวรีแบบมีเวลามาเกี่ยวข้อง
ตัวอย่างเช่น InfluxDB, TimescaleDB
6. Object-Oriented และ Multi-Model databases
เช่น ObjectDB ที่ทำการแมปไปยัง object code สำหรับงานด้านมัลติมีเดีย หรือ ArangoDB และ SingleStore ที่เก็บข้อมูลทั้งแบบ ด็อกคิวเมนต์ คีย์แวลู และ คอลัม รวมถึงกราฟได้ในเวลาเดียวกัน จากระบบเดียว
7. ระบบอื่นๆ ที่เหลือ ก็จะมี