Internet of Things ยังคงเป็นเทรนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากผลการวิจัยล่าสุดพบว่าตลาด IoT ทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 1,842 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 และมีการเติบโตขึ้นทุกปี บริษัท AVESTA ได้มีบริการออกแบบระบบ IoT ทั้ง hardware และ software อย่างครบวงจร เพื่อให้ท่านก้าวสู่โลก IoT ได้อย่างมั่นใจ
และมีระบบมี่มีความเสถียรสูง ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยพื้นฐานความรู้รอบด้านเกี่ยวกับ Network และ Software ที่มีความชำนาญ ทั้งหมดจะออกมาในรูปแบบโซลูชันที่สมบูรณ์แบบ เราจะพาท่านไปรู้จักของ IoT เพื่อให้เกิดความกระจ่าง และ สามารถนำไปประยุกต์เพื่อนำไอเดียของท่านมาให้เราได้สร้างความแตกต่างด้านระบบ
สถาปัตยกรรม IoT คืออะไร?
สถาปัตยกรรม IoT เป็นการผสมผสานระหว่างส่วนประกอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่โต้ตอบกันเพื่อสร้างระบบไซเบอร์ดิจิทัลอัจฉริยะ การทํางานร่วมกัน ส่วนประกอบเหล่านี้ประกอบขึ้นเป็นฐานสําหรับโซลูชัน IoT ก่อนที่เราจะดําดิ่งลงไปในรายละเอียด เรามาทําความเข้าใจกันก่อนว่า อาจจะไม่มีแนวทางเดียวที่เหมาะกับการออกแบบสถาปัตยกรรม IoT ทั้งหมด ในรูปแบบเดียว เพราะมันอาจจะต้องอาศัยหลายๆ องค์กระกอบเข้าด้วยก่อน
สถาปัตยกรรม IoT มาตรฐาน: ควรจะประกอบด้วยอะไรบ้าง
แอปพลิเคชัน IoT ทั่วไปอาศัยสถาปัตยกรรม IoT มาตรฐานที่ครอบคลุม 4 layers
-เลเยอร์อุปกรณ์
-เลเยอร์เครือข่าย
-เลเยอร์การสนับสนุนบริการและแอปพลิเคชัน
-เลเยอร์แอปพลิเคชัน
อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆ นี้ก็จะมีการพูดถึง edge processing มากขึ้นเพราะอุปกรณ์ที่ต่อพ่วงนั้นมีจำนวนมาก edge processing ก็เลยถูกเพิ่มเข้ามา เพื่อทำการกรองข้อมูลหรือประมวลผลข้อมูลก่อนหนึ่งชั้น เช่น การกรอง การรวมข้อมูล ก่อนส่งไปชั้นวิเคราะห์ข้อมูล
Device Layer
Layer นี้ประกอบด้วยอุปกรณ์ พวก smart device หรือว่าอาจจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ electronic แต่มีการต่ออุปกรณ์พ่วงเช่น กล้อง เซ็นเซอร์ หรือ actuator โดยอุปกรณ์เช่น sensor นั้นจะทำการส่งข้อมูลที่วัดได้ ในรูปแบบต่างๆ แล้วแปลงเป็นข้อมูล electronic เพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ เช่น การวัดอุณหภูมิ ความชื้้น พลังงาน ในขณะที่อุปกรณ์ที่เรียกว่า actuator จะเป็นส่วนทำงานโดยคำสั่ง เช่นพวก smart light ที่จะรับคำสั่งและเปลี่ยนสี
Network Layer
สำหรับ layer นี้จะเป็นส่วนของการส่งข้อมูล โดยอุปกรณ์ IoT ยุคใหม่นั้น จะทำงานบนมาตรฐานการเชื่อมต่อ
– LPWAN หรือ Low Power Wide Area Networks มันกินไฟน้อย แต่ว่าส่งข้อมูลได้น้อยด้วยเช่นกัน ซึ่งเหมาะการส่งความเร็วไม่สูงมากและข้อมูลไม่สูง
– Zigbee
– Cellular Network (3/4/5G)
– Bluetooth
– Wifi
– RFID
Edge Computing Layer
ที่ระดับนี้จะประกอบด้วย gateways, local servers โดยมันมีแนวคิดว่า เราอาจจะทำการประมวลผลใน site เราก่อน ที่จะส่งออกไป เพื่อลดขนาดข้อมูล โดยปลายทางอาจจะเป็น Cloud โดยมันอาจจะมีหน้าที่กรอง รวบรวม หรือ เข้ารหัส ก่อนส่งออก
แน่นอนว่าการมีชั้นนี้ขึ้นมาจะช่วยประหยัดทั้ง bandwidth และ เวลาในการส่งข้อมูลออก โดยมันจะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับระบบ medical IoT , CCTV หรือว่า smart car
Service and application support layer
ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่เรียกว่า ข้อมูลของ IoT นั้นจะถูกเก็บไว้ ก็คือ data store นั่นเอง
Application Layer
เป็นชั้นของ application ที่จะนำข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลนั้นไปแสดง โดยขึ้นอยู่กับชนิดของธุรกิจ และอุปกรณ์ที่ต้องการเป็นปลายทางเช่น มือถือ หรือ เว็บ
ที่ AVESTA เราบริการครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบ สร้าง และ สนับสนุนหลังการขายสำหรับ IoT Solution โดยการออกแบบอาจจะใช้ อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ (แต่ไม่จำกัดเพียงแค่นี้)
-RaspberryPI
-Arduino
-MangoPI
-Lolin32 OLED
-ESP32-CAM
-ESP-EYE
-TTGO Camera Plus
-T-Call ESP32 with SIM800L
-M5Stack Camera
-TTGO LoRa32
-OpenMV M7 Camera Board
-M5StickC
-M5Stack FIRE Development Kit
สำหรับฐานข้อมูลเรามีทางเลือกให้ท่าน
– InfluxDB
– CrateDB
– RiakTS
– MangoDB
– RethinkDB
– SQLite
ปรึกษาเราวันนี้เพื่อรับข้อมูล ด้านการออกแบบ พร้อมราคาที่ดีที่สุดกับท่าน ที่ 045-959-612 หรืออีเมล์ [email protected]
